SCBAM

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

LTF :: จะมีทั้งหมด 6 กองทุน แบ่งเป็น 2 รูปแบบตามความเสี่ยงครับ

เสี่ยงน้อย ด้วยลักษณะกองทุนที่ออกแบบมา เพื่อลดความผันผวนจากหุ้นให้ต่ำลง
SCBLT1 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30
:: มีนโยบายการจ่ายปันผล
:: จะมีสัดส่วนการลงทุนไม่เกิน 70% ที่เหลือจะเป็นตราสารหนี้

SCBLTS - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท
:: ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล
:: มีการลงทุนใน SET50 Index Fitures ในทิศทางที่ใช้หักล้างกับตลาดหุ้น
ทำให้ลดความผันผวนจากตลาดหุ้นได้เกือบ 40% ครับ


เสี่ยงมาก ด้วยลักษณะการลงทุนในหุ้นอย่างเต็มที่ แต่ในบางช่วงเวลาก็จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนบ้างเล็กน้อย
SCBLT2 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส
:: ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล
:: ลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 ที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ประมาณ 90%

SCBLT3 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ
:: ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล
:: กระจายการลงทุนในหุ้นที่หลากหลาย
: กลุ่มหุ้น SET50 ประมาณ 40%
: กลุ่มหุ้นที่ต่ำกว่า SET100 และ MAI ประมาณ 40%
: ที่เหลือประมาณ 20% จะปรับเปลี่ยนตามสภาวะการณ์ รวมถึงมีการลงทุนใน SET50 Index Futures ด้วยครับ

SCBLT4 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์
:: มีนโยบายการจ่ายปันผล
:: มีการกระจายไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศประมาณ 5 - 10% (SCBPGF, SCBPEF)

SCBLTT - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต
:: มีนโยบายการจ่ายปันผล
:: เป็นรูปแบบผสมที่หลากหลายการลงทุน เหมือนเป็นตัวรวมของ LTF ทั้ง 5 กองทุนข้างต้นครับ


RMF :: จะมีทั้งหมด 4 กองทุน
SCBR1 - ไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อการเลี้ยงชีพ
:: ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อการลงทุนที่ปลอดภัย ไม่หวังผลตอบแทนที่สูงนัก เพื่อประโยชน์ทางภาษีเป็นหลัก

SCBR2 - ไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล เพื่อการเลี้ยงชีพ
:: เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ความคู่กับประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับจากการลงทุน

SCBR3 - ไทยพาณิชย์เฟล็กซิเบิ้ล ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ
:: ระดับความเสี่ยงปานกลาง ด้วยการเพิ่มการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ควบคู่กับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้

SCBR4 - ไทยพาณิชย์หุ้นทุน เพื่อการเลี้ยงชีพ
:: ระดับความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 แบบเต็มที่ คล้ายๆ กับ SCBLT2 ครับ

สรรพากรกำหนดครับ.... ว่าให้สิทธิสำหรับการลดหย่อนภาษีแค่ 10 ปี
นับจากปีสุดท้ายที่อนุญาตให้จัดตั้ง LTF ได้คือปี (มิ.ย.) 2550

ทำให้สิ้นสุดสิทธิที่จะนำไปใช้ได้คือปี พ.ศ. 2559 ครับ

RMF ก่อกำเหนิดมาจาก PVD (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) จากแนวคิดที่ว่า
เพดาน 15% ของเงินเดือน สูงสุดได้ถึง 3 แสนบาทนั้น มีคนที่ใช้สิทธิ์ได้
เต็มนั้นน้อยมากๆ จนแทบจะไม่มีเลย

เพราะหมายถึง ต้องมีรายได้ทั้งปี 2 ล้านบาท และได้รับเงินสมทบจากนายจ้าง
ถึง 15% เต็มๆ ผู้มีเงินได้ถึงจะสามารถสะสมได้เต็ม 15% ด้วย

ทำให้กำเหนิน RMF ขึ้นมาเพื่ออุดช่องว่างดังกล่าว ทำให้สามารถใช้ได้เต็ม
3 แสนบาทมากขึ้น แล้วยังเลยไปให้โอกาสสำหรับผู้ที่ไม่มีเงินเดือนสามารถ
ใช้สิทธิ์ได้อีกด้วย

ดังนั้นฐานการคำนวณของ RMF จึงรวมไปถึงรายได้ทุกประเภท มากกว่า
ที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพคำนวณเฉพาะเงินเดือนเท่านั้นครับ

--------------
ดังนั้นเมื่อ RMF เป็นการเกาะ PVD มาเกิด จึงไร้ซึ่งข้อกำหนดเรื่องจำนวนปี
ในการลงทุนเช่นเดียวกับ PVD ครับ........

ต้องการปันผลด้วย
LT1 -> หุ้น 70 อื่นๆ 30 คล้ายๆ กองทุนผสม ขึ้นไม่แรง ลงไม่แรง กลางๆ ไปเรื่อยๆ
LT4 -> แบ่งส่วนหนึ่งไปลงทุนใน FIF
LTT -> ตลาดยังไม่ออกหัวออกก้อย ปล่อยให้ fund mgr. จัดการตามใจชอบ

ไม่อยากเอาปันผล
LT2 -> หุ้นใน SET เยอะ บางทีก็ 80-90%
LT3 -> คล้ายๆ PMO ปลอมตัวมา
LTS -> อาจจะมีพวก Future บางครั้งทำตัวสวนกะ SET
*ถ้า ตลาดเป็นขาขึ้น LT2, LT3 จะได้รับประโยชน์มากสุด หมายถึงตอนปู่ลบ ก็ลบเยอะไปด้วย
*ถ้าตลาดเป็นขาลง ชัดเจนหน่อย LTS จะช่วยให้ขาดทุนน้อยลง บางทีแอบบวกสวนก็มี

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

SCBAM

ตัวเลือกที่หลากหลายครับ ...... หลักๆ
เอาไว้พักเงินรอการลงทุน - SCBSFF, SCBTMF
เอาไว้ลุ้นสู้กับดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) - SCBSET
เอาไว้ทดสอบค่าเงิน (ออสเตรเลีย) - SCBAUD
เอาไว้กระจายการลงทุนไปทั่วเอเซีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) - SCBAEM
เอาไว้ก้าวสู่ระบบโลก 3 ทวีป (ยุโรป-อเมริกา-ญี่ปุ่น) - SCBPGF
เอาไว้กระจายการลงทุนในหุ้นเล็ก และใหญ่ - SCBPMO
เอาไว้เน้นลงทุนระยะยาวกับหุ้นที่จ่ายปันผลทุกปี - SCBDV

ทุกกองทุนใช้การสับเปลี่ยนจากแหล่งพักเงิน (SCBSFF/SCBTMF)
ไปเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยขั้นต่ำ 1,000 บาท ผ่านทาง SCB Easy Net ได้โดย
ไม่ต้องเริ่มต้นที่สาขาก็ได้ครับ

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความต้องการในการดึงดอลล่าร์กลับไปปิด บ/ช สิ้นปีของบริษัทในสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์น่าจะแข็งขึ้นเป็น

scbaud
ในความคิดผม จากนี้จนถึงสิ้นปี น่าจะมีความต้องการในการดึงดอลล่าร์กลับไปปิด บ/ช สิ้นปีของบริษัทในสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์น่าจะแข็งขึ้นเป็นระยะเวลานึงครับ

ผมว่า ทอง กับ หุ้น น่าจะมีแนวโน้มลดลงพอสมควร

ในขณะที่ ราคาน้ำมัน อาจลดลงเพราะดอลลาร์แข็งขึ้นแต่ไม่น่าจะมากนักเพราะช่วงหน้าหนาวการใช้น้ำมันในการสร้างพลังงานความร้อนจะสูงขึ้น ทำให้การเพิ่มขึ้นของ demand น้ำมันพอจะเป็นตัวชดเชยการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ได้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

รวมข้อมูลการเงิน

ForexProsForex Charts Powered by Forexpros.com - The Forex Trading Portal.

ForexProsForex Charts Powered by Forexpros.com - The Forex Trading Portal.